ระบบท่อทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ซับซ้อนกว่าเดิม ทั้งแรงดันที่สูงขึ้น พื้นที่ติดตั้งที่จำกัด และสภาพแวดล้อมการใช้งานที่ท้าทายขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความต้องการเหล่านี้ผลักดันให้วัสดุท่อต้องมีสมรรถนะเกินกว่าข้อกำหนดดั้งเดิมของระบบน้ำ ระบบก๊าซ และสาธารณูปโภคทั่วไป
ตลอดเวลากว่าสามทศวรรษ PE100 เป็นมาตรฐานระดับโลกของท่อ HDPE และยังคงทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่เชื่อถือได้ของระบบท่อเทศบาลและอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อความท้าทายของโครงสร้างพื้นฐานมีความหลากหลายมากขึ้น วัสดุเพียงชนิดเดียวไม่อาจตอบโจทย์ทุกสภาวะการใช้งานได้เหมือนเดิม
SCGC จึงพัฒนานวัตกรรม HDPE สามเกรดที่ออกแบบมาเพื่อ “เสริม” ศักยภาพของ PE100 ได้แก่ PE112 ที่เพิ่มขีดความสามารถรับแรงดันสูง PE100-RC ที่เพิ่มความทนทานต่อสภาพการติดตั้งในเมือง และ PE-VHAR ที่ยกระดับมาตรฐานด้านความต้านทานการสึกกร่อน วัสดุทั้งสามนี้ช่วยให้วิศวกรมี “HDPE” ที่ครบครันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่
SCGC™ H112PC ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ ในฐานะวัสดุ PE112 ที่พัฒนาด้วยโครงสร้างโมเลกุลแบบไบโมดัล ร่วมกับระบบตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีความจำเพาะสูง และการควบคุมการกระจายน้ำหนักโมเลกุลและความเป็นผลึกอย่างแม่นยำ ส่งผลให้ได้ค่าความต้านทานขั้นต่ำที่รับรอง 11.2 MPa ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความสามารถรับแรงดันในระยะยาวของท่อ HDPE
H112PC ช่วยให้ระบบท่อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลายมิติ เครือข่ายสามารถเพิ่มแรงดันและความจุได้โดยยังใช้แนวท่อเดิม ผนังท่อที่บางลงช่วยลดการใช้วัสดุ ลดน้ำหนักการขนส่ง และทำให้ติดตั้งง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเส้นผ่านศูนย์กลางภายในที่มากขึ้นช่วยให้การไหลมีประสิทธิภาพกว่าเดิม อีกทั้งยังมีความเสถียรต่อความเค้นในระยะยาว รองรับอายุการใช้งาน 50 ปีขึ้นไปอย่างมั่นใจ
สมรรถนะของ H112PC ได้รับการพิสูจน์ในโครงการท่อส่งน้ำใต้ทะเลสู่เกาะสมุยของการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งต้องการวัสดุที่ทนแรงดันสูง ทนการกัดเซาะจากพื้นทะเล ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และทนต่อแรงดึงขณะติดตั้งใต้น้ำ H112PC สามารถตอบโจทย์ทุกเงื่อนไข และกลายเป็นหัวใจของระบบส่งน้ำยาวกว่า 120 กิโลเมตร ที่ส่งน้ำสะอาดให้ครัวเรือนกว่า 65,000 ครัวเรือนได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
SCGC™ H1000PCH หรือ PE100-RC จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับสภาวะนี้โดยเฉพาะ ด้วยความสามารถในการต้านทานการเติบโตของรอยร้าวแบบช้าที่โดดเด่น ความเหนียวและความยืดหยุ่นสูง การทนต่อรอยบากและรอยขีดข่วน และความสามารถในการรับแรงดัดได้ดี วัสดุเกรด RC ถูกออกแบบให้ยังคงความเชื่อถือได้แม้ท่อมีตำหนิจากการติดตั้ง ช่วยปกป้องสมรรถนะและความปลอดภัยในระยะยาวของระบบ
หนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญของ PE100-RC คือสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องใช้ทรายรองฐานได้ ซึ่งช่วยลดปริมาณการขุด ลดปริมาณวัสดุที่ต้องขนเข้าพื้นที่ ลดเวลาการก่อสร้าง ลดต้นทุน และลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการก่อสร้าง วัสดุนี้เหมาะอย่างยิ่งกับงานเจาะลอดใต้ถนน ทางรถไฟ และแม่น้ำ งานวางท่อในร่องแคบ หรือโครงการร้อยท่อใหม่ที่ต้องการความมั่นใจด้านความทนทานเป็นพิเศษ
สำหรับเมืองที่ต้องการปรับปรุงสาธารณูปโภคใต้ดินให้ทันสมัยโดยรบกวนผิวจราจรและชุมชนน้อยที่สุด PE100-RC จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านวิศวกรรมและด้านสังคมไปพร้อมกัน
SCGC™ S999PC หรือ PE-VHAR จึงถูกออกแบบมาสำหรับสภาพแวดล้อมนี้โดยเฉพาะ ด้วยโครงสร้างโมเลกุลแบบไตรโมดัลที่ประกอบด้วยส่วนของโมเลกุลน้ำหนักสูงมาก การกระจายน้ำหนักโมเลกุลที่กว้าง และความสามารถในการดูดซับพลังงานที่สูงขึ้น คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้ PE-VHAR มีความต้านทานการสึกกร่อนสูงกว่า PE100 ถึงประมาณสองถึงสามเท่า ทั้งจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการและการใช้งานจริง
ด้วยความทนทานที่สูงขึ้น ระบบท่อในงานลำเลียงตะกอนสามารถยืดอายุใช้งานจากเดิมราว 1–2 ปี เป็น 5–10 ปีหรือมากกว่า ช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องหยุดระบบเพื่อตรวจสอบ หมุน หรือเปลี่ยนท่อ ลดของเสียจากวัสดุท่อที่ต้องทิ้ง และลดปริมาณไมโครพลาสติกที่เกิดจากการสึกกร่อนของผนังท่อ
PE-VHAR ยังสามารถเชื่อมต่อด้วยวิธี butt-fusion มาตรฐานได้เช่นเดียวกับ HDPE ทั่วไป จึงสามารถใช้ร่วมกับท่อ PE100 หรือ PE112 เพื่อเสริมเฉพาะบริเวณที่มีการสึกกร่อนสูงเป็นพิเศษได้อย่างยืดหยุ่น
ในอินโดนีเซีย ผู้ประกอบการเหมืองแร่พบว่าการปรับมาใช้วัสดุ HDPE ขั้นสูงของ SCGC ช่วยลดอัตราการสึกกร่อนได้มากกว่าร้อยละ 50 ขณะที่ในออสเตรเลีย ผู้ผลิตท่อ Damos เลือกใช้ S999PC ในสายผลิตภัณฑ์ Nexgen Ultra Wear ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ยืนยันประสิทธิภาพของวัสดุนี้ในหนึ่งในสภาพแวดล้อมเหมืองที่ท้าทายที่สุดของโลก
PE112 ช่วยลดการใช้ทรัพยากรผ่านผนังท่อที่บางลง ใช้วัตถุดิบและพลังงานน้อยลงในการผลิต ลดน้ำหนักในการขนส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบตลอดอายุการใช้งาน
PE100-RC ช่วยลดผลกระทบจากการติดตั้งท่อ ด้วยความสามารถในการวางท่อโดยไม่ต้องใช้ทรายรองฐาน ทำให้ขุดน้อยลง ใช้เครื่องจักรน้อยลง และลดระยะเวลาที่ต้องปิดถนนหรือรบกวนชุมชน
PE-VHAR ยืดอายุการใช้งานในระบบที่มีการสึกกร่อนสูง ลดความถี่ในการเปลี่ยนท่อ ลดปริมาณของเสีย และลดปริมาณไมโครพลาสติกจากการสึกกร่อนของผนังท่อในระยะยาว
ที่สำคัญ วัสดุทั้งสามยังคงเป็น HDPE แบบ mono-material รองรับทั้งการรีไซเคิลเชิงกลและการรีไซเคิลขั้นสูง สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง ความทนทาน ประสิทธิภาพ และการรบกวนสิ่งแวดล้อมที่ลดลงทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขด้านวิศวกรรม แต่คือคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่จับต้องได้
เมื่อนำวัสดุทั้งสามมารวมกับ PE100 อุตสาหกรรมจะมีชุดเครื่องมือ HDPE ที่ครบถ้วนกว่าเดิม สามารถเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละสภาวะการใช้งาน ออกแบบระบบท่อที่ปลอดภัยขึ้น ใช้งานได้ยาวนานขึ้น และสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
นวัตกรรมเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาแทนที่ PE100 แต่เข้ามาช่วยเสริมให้แข็งแกร่งและยืดหยุ่นกว่าเดิม เพื่อให้วิศวกร ผู้ปฏิบัติงาน และเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง ยั่งยืน และพร้อมรองรับอนาคตอย่างแท้จริง
ตลอดเวลากว่าสามทศวรรษ PE100 เป็นมาตรฐานระดับโลกของท่อ HDPE และยังคงทำหน้าที่เป็นเสาหลักที่เชื่อถือได้ของระบบท่อเทศบาลและอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม เมื่อความท้าทายของโครงสร้างพื้นฐานมีความหลากหลายมากขึ้น วัสดุเพียงชนิดเดียวไม่อาจตอบโจทย์ทุกสภาวะการใช้งานได้เหมือนเดิม
SCGC จึงพัฒนานวัตกรรม HDPE สามเกรดที่ออกแบบมาเพื่อ “เสริม” ศักยภาพของ PE100 ได้แก่ PE112 ที่เพิ่มขีดความสามารถรับแรงดันสูง PE100-RC ที่เพิ่มความทนทานต่อสภาพการติดตั้งในเมือง และ PE-VHAR ที่ยกระดับมาตรฐานด้านความต้านทานการสึกกร่อน วัสดุทั้งสามนี้ช่วยให้วิศวกรมี “HDPE” ที่ครบครันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่
1. PE112 (SCGC™ HDPE H112PC): เพิ่มขีดความสามารถรับแรงดันสูงสำหรับระบบท่อยุคใหม่
ในหลายภูมิภาคทั่วโลก เครือข่ายน้ำและก๊าซจำเป็นต้องเพิ่มความจุโดยไม่สามารถขยายแนวท่อหรือรบกวนชุมชนได้มากนัก หน่วยงานสาธารณูปโภคจึงมองหาท่อที่รองรับแรงดันสูงขึ้น มีประสิทธิภาพการไหลที่ดีขึ้น และมีน้ำหนักเบาเพื่อง่ายต่อการขนส่งและติดตั้ง แม้ PE100 จะยังเป็นวัสดุที่เชื่อถือได้ แต่ค่าความต้านทานขั้นต่ำ 10 MPa เริ่มกลายเป็นข้อจำกัดเมื่อเครือข่ายต้องการสมรรถนะที่สูงขึ้นไปอีกระดับSCGC™ H112PC ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นี้โดยเฉพาะ ในฐานะวัสดุ PE112 ที่พัฒนาด้วยโครงสร้างโมเลกุลแบบไบโมดัล ร่วมกับระบบตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีความจำเพาะสูง และการควบคุมการกระจายน้ำหนักโมเลกุลและความเป็นผลึกอย่างแม่นยำ ส่งผลให้ได้ค่าความต้านทานขั้นต่ำที่รับรอง 11.2 MPa ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความสามารถรับแรงดันในระยะยาวของท่อ HDPE
H112PC ช่วยให้ระบบท่อทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลายมิติ เครือข่ายสามารถเพิ่มแรงดันและความจุได้โดยยังใช้แนวท่อเดิม ผนังท่อที่บางลงช่วยลดการใช้วัสดุ ลดน้ำหนักการขนส่ง และทำให้ติดตั้งง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเส้นผ่านศูนย์กลางภายในที่มากขึ้นช่วยให้การไหลมีประสิทธิภาพกว่าเดิม อีกทั้งยังมีความเสถียรต่อความเค้นในระยะยาว รองรับอายุการใช้งาน 50 ปีขึ้นไปอย่างมั่นใจ
สมรรถนะของ H112PC ได้รับการพิสูจน์ในโครงการท่อส่งน้ำใต้ทะเลสู่เกาะสมุยของการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งต้องการวัสดุที่ทนแรงดันสูง ทนการกัดเซาะจากพื้นทะเล ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และทนต่อแรงดึงขณะติดตั้งใต้น้ำ H112PC สามารถตอบโจทย์ทุกเงื่อนไข และกลายเป็นหัวใจของระบบส่งน้ำยาวกว่า 120 กิโลเมตร ที่ส่งน้ำสะอาดให้ครัวเรือนกว่า 65,000 ครัวเรือนได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
2. PE100-RC (SCGC™ HDPE H1000PCH): ความแกร่งเพื่อการติดตั้งในเมืองและงานไม่เปิดหน้าดิน
เมืองสมัยใหม่มีความหนาแน่นสูง การขุดเปิดหน้าดินจึงมีทั้งต้นทุนและผลกระทบต่อการจราจรและชุมชน วิธีการติดตั้งแบบไม่เปิดหน้าดิน เช่น การเจาะนำทางแนวนอน (Horizontal Directional Drilling: HDD) การร้อยท่อใหม่ หรือการทำลายท่อเดิมแล้วร้อยท่อใหม่ ทำให้ท่อเผชิญกับรอยขีดข่วน แรงกดเฉพาะจุด แรงดัด และพื้นผิวดินที่ไม่เรียบ แม้ PE100 จะยังใช้งานได้ แต่สภาพดังกล่าวต้องการวัสดุที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการแตกร้าวและการเติบโตของรอยร้าวในระยะยาวSCGC™ H1000PCH หรือ PE100-RC จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรับมือกับสภาวะนี้โดยเฉพาะ ด้วยความสามารถในการต้านทานการเติบโตของรอยร้าวแบบช้าที่โดดเด่น ความเหนียวและความยืดหยุ่นสูง การทนต่อรอยบากและรอยขีดข่วน และความสามารถในการรับแรงดัดได้ดี วัสดุเกรด RC ถูกออกแบบให้ยังคงความเชื่อถือได้แม้ท่อมีตำหนิจากการติดตั้ง ช่วยปกป้องสมรรถนะและความปลอดภัยในระยะยาวของระบบ
หนึ่งในข้อได้เปรียบสำคัญของ PE100-RC คือสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องใช้ทรายรองฐานได้ ซึ่งช่วยลดปริมาณการขุด ลดปริมาณวัสดุที่ต้องขนเข้าพื้นที่ ลดเวลาการก่อสร้าง ลดต้นทุน และลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการก่อสร้าง วัสดุนี้เหมาะอย่างยิ่งกับงานเจาะลอดใต้ถนน ทางรถไฟ และแม่น้ำ งานวางท่อในร่องแคบ หรือโครงการร้อยท่อใหม่ที่ต้องการความมั่นใจด้านความทนทานเป็นพิเศษ
สำหรับเมืองที่ต้องการปรับปรุงสาธารณูปโภคใต้ดินให้ทันสมัยโดยรบกวนผิวจราจรและชุมชนน้อยที่สุด PE100-RC จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งด้านวิศวกรรมและด้านสังคมไปพร้อมกัน
3. PE-VHAR (SCGC™ HDPE S999PC): ความต้านทานการสึกกร่อนระดับสูงสุด
ในระบบลำเลียงตะกอนและของผสมที่มีอนุภาคแข็ง เช่น งานเหมืองแร่ การแปรรูปแร่ และการขุดลอก สิ่งที่คุกคามอายุการใช้งานของท่อมากที่สุดมักไม่ใช่แรงดัน แต่คือการสึกกร่อนจากการเสียดสีและการกระแทกของอนุภาค ในหลายกรณี ท่อ PE100 อาจมีผนังด้านในสึกหายไปถึง 10–15 มิลลิเมตรต่อปี ทำให้ต้องหยุดเดินระบบ หมุนท่อ หรือเปลี่ยนท่อใหม่บ่อยครั้ง ซึ่งกระทบทั้งต้นทุน การผลิต และความปลอดภัยSCGC™ S999PC หรือ PE-VHAR จึงถูกออกแบบมาสำหรับสภาพแวดล้อมนี้โดยเฉพาะ ด้วยโครงสร้างโมเลกุลแบบไตรโมดัลที่ประกอบด้วยส่วนของโมเลกุลน้ำหนักสูงมาก การกระจายน้ำหนักโมเลกุลที่กว้าง และความสามารถในการดูดซับพลังงานที่สูงขึ้น คุณสมบัติเหล่านี้ช่วยให้ PE-VHAR มีความต้านทานการสึกกร่อนสูงกว่า PE100 ถึงประมาณสองถึงสามเท่า ทั้งจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการและการใช้งานจริง
ด้วยความทนทานที่สูงขึ้น ระบบท่อในงานลำเลียงตะกอนสามารถยืดอายุใช้งานจากเดิมราว 1–2 ปี เป็น 5–10 ปีหรือมากกว่า ช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องหยุดระบบเพื่อตรวจสอบ หมุน หรือเปลี่ยนท่อ ลดของเสียจากวัสดุท่อที่ต้องทิ้ง และลดปริมาณไมโครพลาสติกที่เกิดจากการสึกกร่อนของผนังท่อ
PE-VHAR ยังสามารถเชื่อมต่อด้วยวิธี butt-fusion มาตรฐานได้เช่นเดียวกับ HDPE ทั่วไป จึงสามารถใช้ร่วมกับท่อ PE100 หรือ PE112 เพื่อเสริมเฉพาะบริเวณที่มีการสึกกร่อนสูงเป็นพิเศษได้อย่างยืดหยุ่น
ในอินโดนีเซีย ผู้ประกอบการเหมืองแร่พบว่าการปรับมาใช้วัสดุ HDPE ขั้นสูงของ SCGC ช่วยลดอัตราการสึกกร่อนได้มากกว่าร้อยละ 50 ขณะที่ในออสเตรเลีย ผู้ผลิตท่อ Damos เลือกใช้ S999PC ในสายผลิตภัณฑ์ Nexgen Ultra Wear ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ยืนยันประสิทธิภาพของวัสดุนี้ในหนึ่งในสภาพแวดล้อมเหมืองที่ท้าทายที่สุดของโลก
ความยั่งยืนที่ออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของสมรรถนะ
นวัตกรรม HDPE แต่ละเกรดของ SCGC ไม่ได้ตอบโจทย์เพียงด้านวิศวกรรม แต่ยังเชื่อมโยงกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างชัดเจนPE112 ช่วยลดการใช้ทรัพยากรผ่านผนังท่อที่บางลง ใช้วัตถุดิบและพลังงานน้อยลงในการผลิต ลดน้ำหนักในการขนส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบตลอดอายุการใช้งาน
PE100-RC ช่วยลดผลกระทบจากการติดตั้งท่อ ด้วยความสามารถในการวางท่อโดยไม่ต้องใช้ทรายรองฐาน ทำให้ขุดน้อยลง ใช้เครื่องจักรน้อยลง และลดระยะเวลาที่ต้องปิดถนนหรือรบกวนชุมชน
PE-VHAR ยืดอายุการใช้งานในระบบที่มีการสึกกร่อนสูง ลดความถี่ในการเปลี่ยนท่อ ลดปริมาณของเสีย และลดปริมาณไมโครพลาสติกจากการสึกกร่อนของผนังท่อในระยะยาว
ที่สำคัญ วัสดุทั้งสามยังคงเป็น HDPE แบบ mono-material รองรับทั้งการรีไซเคิลเชิงกลและการรีไซเคิลขั้นสูง สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง ความทนทาน ประสิทธิภาพ และการรบกวนสิ่งแวดล้อมที่ลดลงทั้งหมดนี้จึงไม่ใช่แค่ตัวเลขด้านวิศวกรรม แต่คือคุณค่าด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมที่จับต้องได้
HDPE สำหรับโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่
PE100 ยังคงเป็นรากฐานที่เชื่อถือได้ของระบบท่อทั่วโลก แต่ความท้าทายของโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ต้องการทางเลือกที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น PE112 ช่วยเสริมความแข็งแรงสำหรับเครือข่ายแรงดันสูง PE100-RC เพิ่มความมั่นใจในการติดตั้งแบบไม่เปิดหน้าดินและในเขตเมือง และ PE-VHAR มอบความทนทานยาวนานในสภาพแวดล้อมที่มีการสึกกร่อนสูงเมื่อนำวัสดุทั้งสามมารวมกับ PE100 อุตสาหกรรมจะมีชุดเครื่องมือ HDPE ที่ครบถ้วนกว่าเดิม สามารถเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละสภาวะการใช้งาน ออกแบบระบบท่อที่ปลอดภัยขึ้น ใช้งานได้ยาวนานขึ้น และสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
นวัตกรรมเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาแทนที่ PE100 แต่เข้ามาช่วยเสริมให้แข็งแกร่งและยืดหยุ่นกว่าเดิม เพื่อให้วิศวกร ผู้ปฏิบัติงาน และเมืองต่าง ๆ ทั่วโลกมีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง ยั่งยืน และพร้อมรองรับอนาคตอย่างแท้จริง