เมื่อกล่าวถึง IoT หรือ Internet of Things ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่อุปกรณ์สมาร์ททั้งหลายสามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จากที่เคยเป็นเรื่องใหม่ ฟังดูไกลตัว ปัจจุบัน IOT ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนไปแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและพัฒนาไปได้รวดเร็วจากปัจจัยด้านเทคโนโลยี 4G ที่กระจายทั่วถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยบวกกับ Cloud Storage หรือระบบการจัดเก็บข้อมูลขนาดมหึมาที่เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและแก้ปัญหาในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลกแล้วนั้น ภาคการเกษตรซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในวงการที่ดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เกษตรกรผู้ใช้งานด้วยเช่นกัน
นวัตกรรมบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร
Agcura (แอคคูร่า) เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถทำการเกษตรได้แม่นยำด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเอาเทคโนโลยีด้านเซนเซอร์เข้ามาผสมผสานกับความรู้ทางด้านการเกษตร ทีมงาน Agcura เริ่มต้นจากการลงพื้นที่สอบถามและทำความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดกับเกษตรกรทั่วประเทศไทยเพื่อตั้งเป็นโจทย์สำหรับการพัฒนานวัตกรรมในครั้งนี้ โดย 3 ปัญหาหลักที่พบ ได้แก่ สภาพอากาศที่แปรปรวนไม่อาจคาดเดาได้ ปัญหาภัยแล้ง และปัญหาการจัดการทรัพยากร ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับ ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อคุณภาพของผลผลิตและส่งผลต่อต้นทุน
เนื่องจากการจัดการน้ำเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือนับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมและถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ด้วยปัญหาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปข้างต้นจึงกลายมาเป็นโจทย์สำคัญที่ว่า เกษตรกรจะทราบปริมาณน้ำที่เหมาะสมและช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการให้น้ำได้อย่างไร
การทำงานของ Agcura
Agcura ใช้ระบบเซ็นเซอร์วัดค่าความชื้นของดิน ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ และอุณหภูมิอากาศ เพื่อนำมาคำนวณและแจ้งเตือนปริมาณการให้น้ำที่เหมาะสมกับชนิดของพืชและสิ่งแวดล้อมของดินในขณะนั้น ช่วยให้เกษตรกรมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่แม่นยำและสะดวกต่อการควบคุมผลิตผลทางการเกษตร

วิธีการใช้งาน Agcura เริ่มต้นจากเกษตรต้องกรอกข้อมูลชนิดพืชที่ปลูก และระบุประเภทของดินในแอปพลิเคชันเพื่อค้นหาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพืชชนิดนั้น ๆ จากนั้นจึงติดตั้งอุปกรณ์ตัวแรกคือ เกตเวย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ได้หลายรูปแบบทั้ง wifi สาย LAN หรือ aircard
อุปกรณ์ชิ้นถัดมาคือเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดค่าทั้งหมด 3 ค่า ได้แก่ ค่าความชื้นดิน ที่ฝังไว้อยู่ในระดับรากของพืช เพื่อความแม่นยำในการตรวจวัด ค่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ และอุณหภูมิของอากาศ ซึ่งทั้งสามค่านี้เป็นค่าหลักในการคำนวนปริมาณน้ำที่พืชต้องการ ซึ่งข้อมูลจากเซ็นเซอร์ที่วัดได้จะถูกส่งต่อมาที่เกตเวย์ โดยเกทเวย์หนึ่งตัวสามารถรองรับข้อมูลเซ็นเซอร์ได้ถึง 30 ตัว ระยะรัศมีในการรองรับข้อมูลอยู่ที่ 1 กิโลเมตร

ข้อมูลจากเกตเวย์จะถูกส่งต่อมายังฐานข้อมูล โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่แปลงค่าข้อมูลตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ให้เป็นข้อมูลที่เกษตรกรเข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง ร่วมกับการใช้สีสันที่ช่วยบ่งบอกถึงระดับสภาวะความชื้น แสดงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ พร้อมกับคำแนะนำการให้น้ำที่เหมาะสมทั้งปริมาณและความถี่ในการให้น้ำ ข้อมูลส่วนนี้ช่วยให้เกษตรกรประหยัดน้ำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าแล้ง ช่วยประหยัดพลังงานที่จะปั๊มน้ำมาใช้งาน และเป็นข้อมูลที่แม่นยำที่ทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพดีตามที่ต้องการ เพราะพืชบางประเภทนั้นหากให้น้ำมากเกินไป จะเกิดปัญหาดอกร่วงผลไม่ติดเนื่องจากต้นที่แตกใบอ่อนเรื่อย ๆ หรือหากขาดน้ำก็จะแคระแกร็นไม่เติบโต ซึ่งหากจะดูจากเพียงสภาพของผิวดินก็ไม่สามารถบอกได้ว่า มีปริมาณน้ำในบริเวณรากใต้ดินเพียงพอหรือยัง การต้องคาดเดาเอาเองส่งผลต่อผลผลิตที่ผิวพรรณและรูปทรงผิดปกติ ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด

จุดเด่นของ Agcura เริ่มต้นตั้งแต่ตัวเซ็นเซอร์คุณภาพสูง การติดตั้งทำได้ง่ายด้วยตนเอง รวมทั้งตัวแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาจากความต้องการของเกษตรกรโดยเฉพาะ จึงเป็นรูปแบบที่ดูแล้วเข้าใจง่าย ให้ข้อมูลครบถ้วนแม่นยำ สามารถตรวจดูข้อมูลย้อนหลัง และมีระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ ปัจจุบันมีให้บริการแล้วสามภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ และเวียดนาม
Digital Transformation และบริการที่มุ่งไปข้างหน้า
นอกเหนือจากระบบเซนเซอร์และระบบประมวลผลเพื่อหาปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับพืชแล้ว Agcura ยังได้พัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลต่อไปเพื่อสร้างบริการที่ครบวงจรสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ อย่างการนำข้อมูลมาผูกกับระบบการเปิดปิดน้ำแบบตั้งค่าอัตโนมัติ หรือการควบคุมการเปิดปิดปั๊มน้ำผ่านทางแอปพลิเคชัน ช่วยบริหารแรงงานคนและลดข้อจำกัดด้านการเดินทางไปยังพื้นที่สวนที่อาจอยู่ห่างไกลกัน รวมถึงสามารถเป็นตัวช่วยสังเกตการณ์พร้อมกับสรุปข้อมูลเป็นรายงาน เพื่อนำไปวางแผนการจัดการผลผลิตต่อไปสำหรับองค์กรหรือหน่วยงานขนาดใหญ่
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจัดการระบบน้ำทั้งหมด ทาง Agcura เองก็เป็นพันธมิตรกับธุรกิจท่อพลาสติกของเอสซีจีในการติดตั้งระบบน้ำแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการวางระบบท่อเพื่อการเกษตรและระบบ Agcura ครบครันทั้งกระบวนการ

นวัตกรรมของ Agcura เองไม่ได้จำกัดเพียงแค่การใช้งานในกลุ่มเกษตรกรเท่านั้น ผู้ประกอบการในธุรกิจอื่น ๆ ที่สนใจก็สามารถประยุกต์อุปกรณ์และแนวคิดเหล่านี้ไปสู่การดูแลสวนขนาดใหญ่ หรือสนามกอล์ฟ เพื่อการบริหารทรัพยากรได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้เช่นเดียวกัน
Agcura เป็นหนึ่งในธุรกิจของเอสซีจีซึ่งมีที่มาจากความต้องการนำดิจิทัลมาใช้ในการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการค้นหาความต้องการของลูกค้ากลุ่มเกษตรกรผู้ใช้งานท่อน้ำพลาสติก เกิดเป็นโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหา เป็นตัวอย่างของ Digital Transformation ที่ให้ความสำคัญกับการนำดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำธุรกิจได้ทุกประเภท รวมทั้งธุรกิจภาคการเกษตร เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและแก้ปัญหาในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลกแล้วนั้น ภาคการเกษตรซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในวงการที่ดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เกษตรกรผู้ใช้งานด้วยเช่นกัน
นวัตกรรมบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร
Agcura (แอคคูร่า) เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเพื่อให้เกษตรกรไทยสามารถทำการเกษตรได้แม่นยำด้วยวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเอาเทคโนโลยีด้านเซนเซอร์เข้ามาผสมผสานกับความรู้ทางด้านการเกษตร ทีมงาน Agcura เริ่มต้นจากการลงพื้นที่สอบถามและทำความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดกับเกษตรกรทั่วประเทศไทยเพื่อตั้งเป็นโจทย์สำหรับการพัฒนานวัตกรรมในครั้งนี้ โดย 3 ปัญหาหลักที่พบ ได้แก่ สภาพอากาศที่แปรปรวนไม่อาจคาดเดาได้ ปัญหาภัยแล้ง และปัญหาการจัดการทรัพยากร ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับ ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อคุณภาพของผลผลิตและส่งผลต่อต้นทุน
เนื่องจากการจัดการน้ำเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือนับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมและถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่ด้วยปัญหาสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปข้างต้นจึงกลายมาเป็นโจทย์สำคัญที่ว่า เกษตรกรจะทราบปริมาณน้ำที่เหมาะสมและช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการให้น้ำได้อย่างไร
การทำงานของ Agcura
Agcura ใช้ระบบเซ็นเซอร์วัดค่าความชื้นของดิน ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ และอุณหภูมิอากาศ เพื่อนำมาคำนวณและแจ้งเตือนปริมาณการให้น้ำที่เหมาะสมกับชนิดของพืชและสิ่งแวดล้อมของดินในขณะนั้น ช่วยให้เกษตรกรมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่แม่นยำและสะดวกต่อการควบคุมผลิตผลทางการเกษตร

วิธีการใช้งาน Agcura เริ่มต้นจากเกษตรต้องกรอกข้อมูลชนิดพืชที่ปลูก และระบุประเภทของดินในแอปพลิเคชันเพื่อค้นหาสภาวะที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพืชชนิดนั้น ๆ จากนั้นจึงติดตั้งอุปกรณ์ตัวแรกคือ เกตเวย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ได้หลายรูปแบบทั้ง wifi สาย LAN หรือ aircard
อุปกรณ์ชิ้นถัดมาคือเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดค่าทั้งหมด 3 ค่า ได้แก่ ค่าความชื้นดิน ที่ฝังไว้อยู่ในระดับรากของพืช เพื่อความแม่นยำในการตรวจวัด ค่าความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ และอุณหภูมิของอากาศ ซึ่งทั้งสามค่านี้เป็นค่าหลักในการคำนวนปริมาณน้ำที่พืชต้องการ ซึ่งข้อมูลจากเซ็นเซอร์ที่วัดได้จะถูกส่งต่อมาที่เกตเวย์ โดยเกทเวย์หนึ่งตัวสามารถรองรับข้อมูลเซ็นเซอร์ได้ถึง 30 ตัว ระยะรัศมีในการรองรับข้อมูลอยู่ที่ 1 กิโลเมตร

ข้อมูลจากเกตเวย์จะถูกส่งต่อมายังฐานข้อมูล โดยมีทีมนักวิเคราะห์ที่แปลงค่าข้อมูลตัวเลขทางวิทยาศาสตร์ให้เป็นข้อมูลที่เกษตรกรเข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง ร่วมกับการใช้สีสันที่ช่วยบ่งบอกถึงระดับสภาวะความชื้น แสดงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ พร้อมกับคำแนะนำการให้น้ำที่เหมาะสมทั้งปริมาณและความถี่ในการให้น้ำ ข้อมูลส่วนนี้ช่วยให้เกษตรกรประหยัดน้ำได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าแล้ง ช่วยประหยัดพลังงานที่จะปั๊มน้ำมาใช้งาน และเป็นข้อมูลที่แม่นยำที่ทำให้ได้ผลผลิตคุณภาพดีตามที่ต้องการ เพราะพืชบางประเภทนั้นหากให้น้ำมากเกินไป จะเกิดปัญหาดอกร่วงผลไม่ติดเนื่องจากต้นที่แตกใบอ่อนเรื่อย ๆ หรือหากขาดน้ำก็จะแคระแกร็นไม่เติบโต ซึ่งหากจะดูจากเพียงสภาพของผิวดินก็ไม่สามารถบอกได้ว่า มีปริมาณน้ำในบริเวณรากใต้ดินเพียงพอหรือยัง การต้องคาดเดาเอาเองส่งผลต่อผลผลิตที่ผิวพรรณและรูปทรงผิดปกติ ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด

จุดเด่นของ Agcura เริ่มต้นตั้งแต่ตัวเซ็นเซอร์คุณภาพสูง การติดตั้งทำได้ง่ายด้วยตนเอง รวมทั้งตัวแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาจากความต้องการของเกษตรกรโดยเฉพาะ จึงเป็นรูปแบบที่ดูแล้วเข้าใจง่าย ให้ข้อมูลครบถ้วนแม่นยำ สามารถตรวจดูข้อมูลย้อนหลัง และมีระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ ปัจจุบันมีให้บริการแล้วสามภาษา ได้แก่ ภาษาไทย อังกฤษ และเวียดนาม
Digital Transformation และบริการที่มุ่งไปข้างหน้า
นอกเหนือจากระบบเซนเซอร์และระบบประมวลผลเพื่อหาปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับพืชแล้ว Agcura ยังได้พัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลต่อไปเพื่อสร้างบริการที่ครบวงจรสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ อย่างการนำข้อมูลมาผูกกับระบบการเปิดปิดน้ำแบบตั้งค่าอัตโนมัติ หรือการควบคุมการเปิดปิดปั๊มน้ำผ่านทางแอปพลิเคชัน ช่วยบริหารแรงงานคนและลดข้อจำกัดด้านการเดินทางไปยังพื้นที่สวนที่อาจอยู่ห่างไกลกัน รวมถึงสามารถเป็นตัวช่วยสังเกตการณ์พร้อมกับสรุปข้อมูลเป็นรายงาน เพื่อนำไปวางแผนการจัดการผลผลิตต่อไปสำหรับองค์กรหรือหน่วยงานขนาดใหญ่
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจัดการระบบน้ำทั้งหมด ทาง Agcura เองก็เป็นพันธมิตรกับธุรกิจท่อพลาสติกของเอสซีจีในการติดตั้งระบบน้ำแบบเต็มรูปแบบ ทั้งการวางระบบท่อเพื่อการเกษตรและระบบ Agcura ครบครันทั้งกระบวนการ

นวัตกรรมของ Agcura เองไม่ได้จำกัดเพียงแค่การใช้งานในกลุ่มเกษตรกรเท่านั้น ผู้ประกอบการในธุรกิจอื่น ๆ ที่สนใจก็สามารถประยุกต์อุปกรณ์และแนวคิดเหล่านี้ไปสู่การดูแลสวนขนาดใหญ่ หรือสนามกอล์ฟ เพื่อการบริหารทรัพยากรได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้เช่นเดียวกัน
Agcura เป็นหนึ่งในธุรกิจของเอสซีจีซึ่งมีที่มาจากความต้องการนำดิจิทัลมาใช้ในการสร้างธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการค้นหาความต้องการของลูกค้ากลุ่มเกษตรกรผู้ใช้งานท่อน้ำพลาสติก เกิดเป็นโซลูชันที่ช่วยแก้ปัญหา เป็นตัวอย่างของ Digital Transformation ที่ให้ความสำคัญกับการนำดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำธุรกิจได้ทุกประเภท รวมทั้งธุรกิจภาคการเกษตร เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Agcura ได้ที่
www.facebook.com/agcura.th/
083 012 4294
agcura.th@gmail.com
LINE @agcura