ออกแบบเม็ดพลาสติกทุกความต้องการ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัล

ออกแบบเม็ดพลาสติกทุกความต้องการ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัล
ออกแบบเม็ดพลาสติกทุกความต้องการ ด้วยนวัตกรรมดิจิทัล
ในยุคที่ผู้ประกอบการต่างมองประเด็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการลดผลกระทบของภาวะโลกร้อนเป็นวิสัยทัศน์สำคัญในการดำเนินธุรกิจ นวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านประสิทธิภาพและสิ่งแวดล้อมควบคู่กัน อย่างการคิดหาวิธีที่จะสามารถลดปริมาณการใช้เม็ดพลาสติกในการผลิตสินค้าลง แต่สินค้ายังคงความแข็งแรงในการใช้งานอยู่ นับเป็นโจทย์สำคัญของวงการ ซึ่ง SCGC ได้พัฒนาและวิจัยร่วมกับลูกค้าผู้ใช้งานเม็ดพลาสติกโดยตรงด้วยกระบวนการทำงานแบบลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ผ่านการทำเวิร์กชอปร่วมกับลูกค้าที่ศูนย์ i2P (Ideas to Products)
 

 
อุปสรรคในอดีต สู่นวัตกรรมในอนาคต
 
การพัฒนานวัตกรรมมักพบเจอกับอุปสรรคที่ทำให้การสร้างสรรค์นวัตกรรมเป็นไปได้ยาก ตั้งแต่เรื่องระยะเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 1-2 ปี ขึ้นกับความซับซ้อน คุณสมบัติของเม็ดพลาสติกที่ต้องการ รวมถึงเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ความซับซ้อนของการตีโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานเพื่อออกแบบคุณสมบัติของเม็ดพลาสติก และที่สำคัญคือจะต้องสามารถนำไปใช้ในระดับเชิงพาณิชย์ (Commercial Scale) ได้ด้วย อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ คือความแตกต่างระหว่างเครื่องมือทดสอบของนวัตกรกับผู้ใช้งานจริง ที่อาจใช้มาตรฐานการทดสอบหรืออุปกรณ์ที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ต้องมีการทดสอบที่หน้างานของผู้ใช้งานบ่อยครั้ง จนอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิต
 
อุปสรรคเหล่านี้ นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ SCGC จะต้องก้าวผ่านไปให้ได้เพื่อให้การพัฒนานวัตกรรมมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการพัฒนาศักยภาพการทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ และความเชี่ยวชาญของหน่วยงาน Application Development Center (ADC) ในการช่วยออกแบบคุณสมบัติของเม็ดพลาสติกและกระบวนการขึ้นรูปสินค้าต่าง ๆ รวมถึงการจำลองการทดสอบ โดยใช้ฐานข้อมูลการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในอดีตที่ถูกรวบรวมไว้ เปรียบดั่งขุมพลังสำคัญที่จะช่วยเร่งการพัฒนานวัตกรรม
 

 
ฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์ เพื่อความต้องการที่ตรงใจ
 
ด้วยประสบการณ์ทำงานร่วมกันกับลูกค้าหลากหลายอุตสาหกรรมและความต้องการที่ต่างกัน นับเป็นข้อได้เปรียบในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่ง SCGC มีการจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ หรือ Centralized Database ด้วยข้อมูลไม่ต่ำกว่า 40,000 ชุด ใช้เป็นฐานข้อมูลในการสร้างแบบจำลอง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาเม็ดพลาสติกให้ตรงโจทย์ของลูกค้า พร้อมกับเป็นไปตามมาตรฐานที่ SCGC ตั้งไว้ ซึ่งแบบจำลองประกอบด้วย
(1) แบบจำลองเพื่อการออกแบบโครงสร้างและคุณสมบัติของเม็ดพลาสติกด้วยแบบจำลอง Digital Twin ของกระบวนการผลิต ที่สามารถจำลองกระบวนการผลิตจริง เพื่อทำนายคุณสมบัติเชิงโครงสร้างของเม็ดพลาสติก
(2) แบบจำลองการนำเม็ดพลาสติกมาขึ้นรูปเป็นชิ้นงานตามที่ลูกค้าต้องการ (Processing Simulation) โดยการใช้ Computer Aided Engineering (CAE) ทำให้ได้พารามิเตอร์ที่สำคัญในการขึ้นรูปสินค้า
(3) แบบจำลองเพื่อทดสอบคุณสมบัติเชิงกลต่าง ๆ จากแบบจำลองการขึ้นรูปก่อนหน้านี้ เช่น การกดทับสินค้าด้วยน้ำหนักเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ ด้วยการใช้ Finite Element Analysis (FEA) เพื่อทดสอบความทนทานของสินค้า เป็นต้น
 

 
SCGC GREEN POLYMER™ – S411B ตัวอย่างความสำเร็จจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
 
‘S411B’ เป็นเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงภายใต้ SCGC GREEN POLYMER™ เหมาะสำหรับผลิตขวด Small Blow สามารถใช้ปริมาณเม็ดพลาสติกลดลง 8-12% โดยยังคงคุณสมบัติได้ดังเดิม เกิดจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างเจ้าของแบรนด์สินค้ากับ SCGC จนสำเร็จออกมาเป็นนวัตกรรม โดยมีเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ตั้งแต่กระบวนการออกแบบคุณสมบัติของเม็ดพลาสติก กระบวนการขึ้นรูป และการทดสอบคุณสมบัติ ซึ่งนอกจากจะได้เม็ดพลาสติกที่ตอบโจทย์คุณสมบัติด้านการใช้งานแล้ว ยังใช้เวลาในการทำงานจนได้พลาสติกต้นแบบที่ใช้เวลาน้อยลงกว่าเดิม 50% และยังตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมที่วัดผลได้จากการใช้เม็ดพลาสติกที่ลดลง จะช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตได้ 0.24 Ton CO2/Ton resin เทียบเท่ากับการปลูกต้นยูคาลิปตัสจำนวน 44 ต้น อีกทั้งกระบวนการผลิต ยังได้มีการใช้แบบจำลองเพื่อช่วยวางเป้าหมายในการควบคุมโรงงาน และลดของเสียระหว่างการทดลองลงได้
 
นอกจากนั้นแล้วยังช่วยสร้างความปลอดภัยต่อการทำงานในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด 19 ด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย อย่าง Computer Aided Engineering (CAE) และ Finite Element Analysis (FEA) ช่วยจำลองในการขึ้นรูปและการทดสอบคุณสมบัติต่าง ๆ ของสินค้า ช่วยลดการทดสอบที่หน้างานของลูกค้า จึงช่วยในเรื่องความปลอดภัย โดยยังคงสามารถดำเนินงานต่อไปได้ดังเดิมไม่มีติดขัด
 
นวัตกรรมที่รุดหน้าไม่หยุดยั้ง กระตุ้นให้ทุกคนต้องเดินก้าวตามให้ทัน เพื่อนำเอาข้อดีของเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด เช่นเดียวกันกับความสำเร็จทางด้านนวัตกรรมของ SCGC ที่ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมกับการสร้างสรรค์โซลูชันที่เน้นความสำคัญที่การยึดหลักธรรมาภิบาลต่อลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม