มองเศรษฐกิจปีใหม่ 2019

มองเศรษฐกิจปีใหม่ 2019
มองเศรษฐกิจปีใหม่ 2019
สำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปี 2019 น่าจะยังคงอึมครึม หลังจากสำรวจความคิดเห็นในกลุ่ม นักการเงิน และนักเศรษฐศาสตร์ในหลายประเทศ โดยส่วนใหญ่ยังคงแสดงความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลให้ภาคการเงินมีความตึงเครียดจากเงื่อนไขการค้าและการลงทุน
 
ยังไม่นับกรณีล่าสุด กับข่าวทีทั่วโลกตกใจเมื่อ มีการจับผู้บริหารของหัวเหว่ยในแคนาดาที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นการจุดไฟสงครามระหว่างโลกตะวันออก และตะวันตกให้ลุกโชนขึ้นไม่ยาก การสำรวจของสถานักข่าวรอยเตอร์ในครั้งนี้จัดทำขึ้น 2 ครั้ง คือต้นปี 2018 โดยนักธุรกิจ และนักเศรษฐศาสตร์ผู้ตอบแบบสอบถามยังคงมองเศรษฐกิจโลกไปในทิศทาง
ที่สดใส แต่เมื่อถึงปลายปี กว่า 500 คนที่ร่วมตอบแบบสอบถามในจำนวนนี้กว่าครึ่ง
ที่เคยมองว่าเศรษฐกิจปี 2018 จนถึง 2019 น่าจะสดใส กลับเปลี่ยนใจ และบอกว่า
สถานการณ์น่าจะอยู่ในสภาวะน่ากังวลยาวไปจนถึงปี 2019

 
 
“สถานการณ์เศรษฐกิจโลกวันนี้ คือเรายังเห็นการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในขณะที่ส่วนอื่น ๆ ของโลกยังคงเติบโตช้า หรือเข้าสู่สภาวะชะงักงัน แรงกดดัน และความตึงเครียดเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต และมีการขยายตัวของตลาดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด” เจเน็ต เฮนรี่ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์ธนาคาร HSBC กล่าว
 
เขายังบอกอีกว่า “ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศขึ้น ดอกเบี้ยเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้กับสหรัฐอเมริกา
 
นักเศรษฐศาสตร์กว่า 150 คนระบุว่า ปัจจัยสำคัญ 2 ประการหลักที่จะส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก คือ ความตึงเครียดของนโยบายการค้า และการเทขายสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก รวมทั้งการเร่งออกพันธบัตรของรัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศเพื่อระดมทุน
 
นักวิเคราะห์ระบุว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโตได้เพียงแค่ระดับปานกลาง และยังมีการเติบโตค่อนข้างช้าในส่วนของ
ภาคการบริโภค และภาคการส่งออก แต่อย่างไรก็ตาม การเพิ่มค่าแรงในส่วนของตลาดแรงงานทั่วโลก อาจพอที่จะขยับกลไก
การค้าและการลงทุนได้บ้างแต่ก็คิดเป็นสัดส่วนที่ไม่มากนักเนื่องจากธุรกิจระดับมหภาคที่ต้องใช้เม็ดเงินลงทุนมหาศาล
ยังคงชะงักงัน ส่วนปัญหาข้อพิพาทระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกาน่าจะยังคงดำเนินต่อไป การสำรวจครั้งนี้สรุปตัวเลขการเติบโต
ทางเศรษฐกิจโลก อยูที่่ไม่เกิน 3.8% ในปี 2019 นี้ และคาดว่าในปี 2020 ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก น่าจะลงไปอยู่
ที่ 3.5%

 
“สงครามการค้าหรือ Trade War ที่เกิดขึ้น ในตอนแรกดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นผู้ชนะ และแม้ว่า ทุกฝ่ายจะพยายามแข่งขันกันด้วยการลดต้นทุน รวมถึงประตูการค้าระหว่างประเทศจะเปิดกว้างขึ้น แต่ในภาพรวมก็ยังดูซบเซา” นีล เชียร์ริ่ง หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจ Capital Economics กล่าว
 
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศนโยบายภาษีที่ส่งผลต่อสินค้าจากจีนที่จะไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกามากกว่า 267 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐหลายฝ่ายกำลังจับตามองเส้นทางการค้าระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกาในศักราชหน้าว่าจะมีทศิ ทางเช่นไร และยักษ์ใหญ่ทั้งสองรายนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับเศรษฐกิจโลกได้มากแค่ไหน ในสภาวะที่การค้า การลงทุน
และการเงินซบเซาอยู่แล้ว

 
จากภาพของเศรษฐกิจที่ดีจะไม่ค่อยสดใสนัก การลงทุน และการใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง คงจะเป็นเรื่องหลักที่ทุกคนทั่วโลกต้องจดไว้ให้จำไปอีกหลายปี