
งาน K2019 ถือเป็นงานแสดงสินค้าที่คนในอุตสาหกรรมให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นงานแสดงนวัตกรรมสินค้าพลาสติกและยางที่ใหญ่ที่สุดในโลกจัดขึ้นทุก 3 ปี ณ เมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี โดยในปีนี้มีกลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติกรวมถึงองค์กรสถาบันชั้นนำระดับโลกกว่า 3,330 แห่งเข้าร่วมจัดแสดง ภายในงานเต็มไปด้วยผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกว่า 225,000 คนจาก 165 ประเทศหมุนเวียนเข้ามาชมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และแลกเปลี่ยนโอกาสทางธุรกิจกันอย่างไม่ขาดสายตลอดระยะเวลา 8 วันของการจัดงาน
ประเด็นสำคัญที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการทั่วโลกก็คือ พลาสติกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Plastics for Sustainable Development) ซึ่งเป็นหนึ่งในธีมหลักของงาน K2019 และยังเห็นได้อย่างชัดเจนจากบูทของผู้เล่นรายใหญ่ระดับโลกที่ต่างขนเอานวัตกรรมที่เป็นการประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจมาจัดแสดง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบวัสดุ กระบวนการผลิต หรือสินค้าปลายทางที่จะสามารถกลับมารีไซเคิลได้ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ตลาดโลกที่เน้นความยั่งยืน และสอดคล้องกับผลสำรวจของงานที่เรื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน ติดอันดับ 1 ใน 3 หัวข้อที่ผู้เข้าร่วมงานให้ความสนใจสูงสุด

ในปีนี้ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจีได้เข้าร่วมเป็นผู้จัดแสดงในงานอีกเช่นเคย โดยภายในพื้นที่จัดแสดง เอสซีจีได้นำนวัตกรรมและเรื่องราวต่าง ๆ มาร้อยเรียงสื่อสารผ่านแนวคิด “Passion for a Better World” แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมพลาสติกและโซลูชันต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาส่งมอบแด่ลูกค้าเพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการเพื่อสรรค์สร้างอนาคตของโลกที่ดียิ่งขึ้นได้อย่างยั่งยืน และเป็นการแสดงความพร้อมและเปิดกว้างที่จะสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ด้วยความเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับทุกภาคส่วนจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนสามารถปฏิบัติได้จริง

สำหรับไฮไลท์สินค้าและบริการที่เอสซีจีนำมาจัดแสดงในครั้งนี้เป็นตัวอย่างนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ เช่น
เม็ดพลาสติกที่เน้นความทนทานเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน (durable plastic)
การทำให้วัสดุมีความทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้นเป็นอีกหนึ่งแนวทางการพัฒนาสินค้าตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยตัวอย่างสินค้าในกลุ่มนี้เช่น เม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนคอมพาวนด์สีดำสำหรับท่อ PE112 เกรด SCG™ HDPE H112PC ซึ่งคิดค้นและผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตร สามารถผลิตท่ออุตสาหกรรมที่มีคุณสมบัติเหนือกว่ามาตรฐานท่อ PE100 ทั่วไป มีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะทนต่อการสึกกร่อนได้มากกว่าท่อ PE100 ถึง 50% เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และยังทนแรงดันได้มากกว่า PE100 ถึง 10% จึงสามารถลดความหนาในการผลิตท่อก๊าซและท่อส่งน้ำลงได้ และช่วยเพิ่มปริมาณการขนส่งได้อีกด้วย

เม็ดพลาสติกเพื่อตอบโจทย์การรีไซเคิลที่ง่ายขึ้น (recycle friendly)
จากความต้องการของตลาดที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ทั้งหมด เอสซีจีได้นำเสนอแนวคิด นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ประเภท Mono Material ที่เป้นการพัฒนาให้ชั้นฟิล์มต่าง ๆ ในบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทอ่อนตัว (Flexible Packaging) เป็นวัสดุชนิดเดียวกันทั้งหมด โดยเอสซีจีทำการวิจัยพัฒนาสารเพิ่มประสิทธิภาพ CIERRA® – Barrier ที่มีคุณสมบัติช่วยควบคุมการไหลผ่านของอากาศ และความชื้นไม่ให้ทะลุเข้าไปในบรรจุภัณฑ์ ใช้ทดแทนการเคลือบฟิล์มด้วยชั้นโลหะ ทำให้บรรจุภัณฑ์สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้

นอกจากนี้เอสซีจียังนำเสนอเม็ดพลาสติกประเภท Post-Consumer Recycled Resin (PCR) ที่ได้คุณภาพตามมาตรฐานคุณภาพยุโรป จึงมั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย ไม่มีกลิ่น และยังคงคุณสมบัติหลักได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับการผลิตสินค้าพลาสติกประเภทถุง ขวดบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภค และฝาขวดน้ำอัดลม เป็นต้น


เม็ดพลาสติกที่เน้นลดปริมาณการใช้วัตถุดิบ (less materials use) แต่ยังคงคุณสมบัติ และความแข็งแรงได้เหมือนเดิม
เอสซีจีคิดค้น SMX™ Technology ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตเม็ดพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีนเกรดพิเศษที่มีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้สามารถขึ้นรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกให้บางลง แต่ยังคงความแข็งแรงไว้ได้ โดยไม่กระทบต่อกระบวนการผลิตและไม่ต้องปรับเครื่องจักร เทคโนโลยีนี้สามารถผลิตพอลิเอทิลีนได้หลากหลายเกรด สำหรับหลากหลายผลิตภัณฑ์ เพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้นกว่าขีดจำกัดเดิม
หนึ่งในสินค้าที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี SMX™ ที่มีความโดดเด่นก็คือ SMX™ 551BU เม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนสำหรับถังบรรจุสารเคมีขนาดใหญ่ (IBC) ที่มีความแข็งแรงมากขึ้น มีค่าความแข็งแรงของพอลิเมอร์ขณะหลอมตัวสูง (High Melt Strength) จึงสามารถขึ้นรูปถังได้บางลง ทั้งยังขึ้นรูปและควบคุมการผลิตบรรจุภัณฑ์ได้ง่าย ด้วยคุณสมบัติการทนสารเคมีและความแข็งแรงที่ดีเยี่ยม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขนส่งเคลื่อนย้ายให้ปลอดภัยจากสารเคมีรั่วไหล รวมถึงช่วยลดการใช้วัสดุลง 10% (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบของถัง) จึงลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกด้วย

นอกจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงหลากหลายประเภทแล้ว เอสซีจียังมีผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงที่คอยค้นหาโซลูชั่นใหม่ ๆ มาบริการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสรรวัสดุที่เหมาะสม และการพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การออกแบบ และการออกแบบเชิงวิศวกรรม ไปจนถึงการเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเจ้าของแบรนด์สินค้าในการร่วมกันพัฒนาธุรกิจให้เติบโตไปได้อย่างยั่งยืนเช่นเดียวกัน

แม้จะเป็นเพียงบางส่วนของนวัตกรรมที่เอสซีจีภูมิใจนำเสนอในเวทีระดับโลก แต่สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปด้วยกันกับลูกค้า ผู้ขึ้นรูปสินค้า และเจ้าของแบรนด์สินค้า เพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วยนวัตกรรมและโซลูชั่นที่ครบทุกมิติ สอดคล้องไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เอสซีจีเชื่อมั่นและมุ่งมั่นที่จะนำมาปรับใช้กับแนวทางการทำธุรกิจเพื่อช่วยขับเคลื่อนให้ทั้งอุตสาหกรรมสามารถดำเนินไปตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนและมุ่งไปสู่ความยั่งยืนได้ เพื่อให้โลกใบนี้ดีขึ้นต่อไปด้วยความร่วมมือของเราทุกคน

“เนื่องจากเราเป็นบริษัทผู้จัดจำหน่ายสินค้าเป็นหลัก
เราได้เห็นว่าเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นแนวคิดที่ส่งผลต่อลูกค้าอย่างมาก
เราจึงพยายามช่วยให้คำแนะนำด้านวัสดุรีไซเคิล ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
นอกจากนั้น เรายังพยายามร่วมมือกับลูกค้าเพื่อสร้างมาตรการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและนำไปปฏิบัติจริง”
เปาโล ดินิส
เจ้าของบริษัทมิเบปา (Mibepa)

“ในฐานะบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และเป็นผู้จัดจำหน่ายพอลิเมอร์
เรามีบทบาทสำคัญด้านความยั่งยืน ดังนั้น เราจึงกำลังพิจารณาโครงการรีไซเคิลพลาสติกประเภท PET ต่าง ๆ
อีกทั้งยังได้เริ่มลงทุนด้านห่วงโซ่อุปทานเพื่อการเก็บวัสดุคืนแล้ว นับเป็นโจทย์หลักของเราในแอฟริกา
ผมมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว แนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางนี้
นอกจากนั้น เรายังเริ่มดำเนินการแบบเดียวกันกับพลาสติกพอลิโพรพิลีน (PP) และพอลิเอทิลีน (PE) ด้วย
เราได้ลงทุนทั้งเงินและเวลาเพื่อสร้างความยั่งยืนในตลาดของเรา
เนื่องจากเราเชื่อว่าเราต้องตอบแทนชุมชน”
วิชัย กวิชวาร์
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
บริษัท ซาร่า (SARA)