เพื่อนช่วยเพื่อน ส่งต่อความตั้งใจ ร่วมสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
Publish On 30, Sep 2016 | เพื่อนช่วยเพื่อน ส่งต่อความตั้งใจ ร่วมสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
ผู้ประกอบการหลายคน เมื่อได้ยินเรื่องของโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ หรือ Eco Factory อาจคิดว่าเป็นเรื่องยากในการปรับปรุงหรือพัฒนาโรงงานไปสู่แนวทางนี้ แต่หากได้ศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือจากเพื่อนผู้มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จในการทำ Eco Factory มาแล้วก็อาจเป็นเรื่องง่ายกว่าที่เคยคิด
เช่นเดียวกับความรู้สึกของ คุณภาคภูมิ ภูอุดม Executive Vice President บริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ที่นำโรงงานของบริษัท ผ่านการตรวจประเมินโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ในปี 2559 ด้วยความช่วยเหลือจาก “เพื่อน” ที่ยึดมั่นในแนวคิดเดียวกัน และเคียงข้างกันมาตลอดอย่าง เอสซีจี เคมิคอลส์
“บริษัท ที.เค.เอส.เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเหมือนกับเอสซีจี เคมิคอลส์” คุณภาคภูมิเริ่มต้นบท สนทนาในวันที่
คุณสุภาวิณี กฤษณาวัฒนา Manager – Corporate Environmental Health and Industrial Hygiene Management เอสซีจี เคมิคอลส์ เดินทางมาแสดงความยินดีเมื่อโรงงานของทั้งสองบริษัทในเครือ คือ บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ที.เค.เอส.สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด ผ่านการรับรองโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
“เอสซีจี เคมิคอลส์ เข้ามาให้คำแนะนำเรื่อง Eco Factory ผ่านโครงการ “เพื่อนช่วยเพื่อน” ของสภาอุตสาหกรรมฯ” คุณภาคภูมิเล่าต่อ
“เรารู้ว่าเอสซีจี เคมิคอลส์ เป็นบริษัทแรกที่โรงงานในเครือทุกโรงงานผ่านการรับรองโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศแบบ 100% ทำให้มั่นใจว่าจะช่วยเราได้ ความจริงเราได้ยินเรื่อง Eco Factory มาสักปีสองปีแล้ว ซึ่งมันสอดคล้องกับนโยบายสิ่งแวดล้อมที่บริษัทเราทำมาเกือบสิบปี ที่สำคัญ มันมีส่วนช่วยธุรกิจในด้านการแข่งขันในตลาดอนาคตด้วย พอมาศึกษาก็เห็นว่ามีหลายเรื่องที่เราทำมาก่อน แต่หลายเรื่องก็ต้องพยายามพัฒนาให้ได้ตามเกณฑ์ที่วางไว้ พอเอสซีจี เคมิคอลส์ เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้ เราก็ขับเคลื่อนไปต่อได้อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันเลย”
“เรื่องสิ่งแวดล้อมมันเป็นเรื่องสากล” คุณสุภาวิณีเสริม “แนวคิดหลักของอุตสาหกรรมเชิงนิเวศคือ ต้องดูแลตัวเราให้มีกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ผลิตสินค้าคุณภาพ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เมื่อดูแลตัวเองดีแล้วก็ออกไปดูแลสังคม ซึ่งจริง ๆ การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็ถือเป็น
การตอบโจทย์สังคมอย่างหนึ่งอยู่แล้วเพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นอุตสาหกรรมเดียวกันก็สามารถใช้หลักพื้นฐานเดียวกันได้ ไม่ว่าเป็นโรงงานอะไรต้องมี
การพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิต บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร เรียกว่าตลอดทั้งโซ่อุปทาน และต้องทำอย่างต่อเนื่อง”
“ใช่ครับ ผมเห็นด้วย” คุณภาคภูมิกล่าวเสริม “ตอนที่เราตัดสินใจทำ Eco Factory ผมมองว่าแม้เราจะไม่ใช่บริษัทใหญ่แต่ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในกลไกที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้เหมือนกัน ถ้าโรงงานหนึ่งเริ่มต้นทำสิ่งที่ดีก็จะเป็นต้นแบบให้โรงงานอื่นเห็นและอยากทำตาม ที่สำคัญ คนในโรงงานของเราซึ่งมีประมาณ 500-600 คน ก็ได้รับความรู้ความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อมไปด้วย พอกลับบ้าน เขาก็เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย มันก็จะขยายแนวคิดนี้ต่อไปเรื่อย ๆ”
“หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นนามธรรมจังเลย เวลาได้ยินคำว่ากระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” คุณสุภาวิณีอธิบาย “แต่ถ้ามองให้เป็น
รูปธรรม เราแค่ต้องทำให้ตอบโจทย์ว่าผลิตอย่างไรให้ลดการใช้พลังงาน ลดของเสีย และใช้วัตถุดิบหรือทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่าที่สุด”
“ผมเห็นด้วยครับ” คุณภาคภูมิเสริม “พอเราผ่านมาตรฐานแล้ว ผมรู้เลยว่ามันไม่ใช่เรื่องยาก และการมีเพื่อนที่ช่วยให้คำแนะนำอย่างจริงใจมันทำให้เราเข้าใจและประสบความสำเร็จง่ายขึ้น ตอนนี้ทาง ที.เค.เอส. เลยตั้งใจว่าเราพร้อมเปิดโรงงานของเราให้เพื่อนโรงงานอุตสาหกรรมอื่นมาเรียนรู้ โดยเฉพาะในนิคมสินสาคร นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร และโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดสมุทรสาครที่เราอยู่ ซึ่ง มีมากกว่า 5,000 โรงงาน เราอยากส่งต่อแนวคิดและให้คำแนะนำให้ทุกโรงงานทำเรื่อง Eco Factory อย่างจริงจัง”
“เรื่องชุมชนเป็นอีกเรื่องที่ต้องใช้ความตั้งใจและความจริงใจ” คุณสุภาวิณีกล่าว “เอสซีจี เคมิคอลส์ มีโครงการที่เรียกว่า บวร หมายถึง บ้าน วัด และโรงเรียน พอจัดการระบบภายในโรงงานดีแล้ว ก็ถ่ายทอดและแบ่งปันองค์ความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับบ้าน หรือ ชุมชน วัด และโรงเรียนรอบ ๆ โรงงานด้วย เป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ปลูกจิตสำนึกให้ชุมชนเห็นความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมเดินไปด้วยกัน”
“ที.เค.เอส.ก็ได้ไอเดียดี ๆ เยอะมากจากเอสซีจี เคมิคอลส์” คุณภาคภูมิเอ่ย “ก่อนหน้านี้เรารู้จักเอสซีจี เคมิคอลส์ดีอยู่แล้วว่าเป็นบริษัทใหญ่ เรียกว่าอันดับต้น ๆ ของประเทศ แล้วไม่ใช่แค่ประสบความสำเร็จในธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นบริษัทที่รู้กันดีว่าใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อมมาก ถือเป็นไอดอลของบริษัทเราเลย ขอบคุณมากนะครับ”
“ขอบคุณมากเช่นกันค่ะ” คุณสุภาวิณีกล่าวและยิ้มตอบ “การที่เราเข้ามาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ ที.เค.เอส.ทำให้เราได้เรียนรู้มุมมองที่กว้างขึ้นด้วยเพราะเป็นคนละกลุ่มอุตสาหกรรมกัน เอสซีจี เคมิคอลส์ยินดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพื่อนร่วมวงการอุตสาหกรรมให้ประสบความสำเร็จในการเป็น Eco Factory เพราะเราเชื่อว่าการที่เราส่งต่อแนวคิดนี้ไปสู่คนอื่น ยิ่งส่งผลดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรวม ถือเป็นการช่วยโลกใบนี้ให้มีสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน”
นอกจากนี้ ในปี 2559 เอสซีจี เคมิคอลส์ ยังได้เข้าไปให้คำแนะนำในการขอการรับรองโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศกับ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม (สระบุรี) จำกัด และ บริษัท สยามสเตบิไลเซอร์สแอนด์เคมิคอลส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) จนประสบความสำเร็จผ่านการรับรองโรงงานอุตสาหกรรม ถือเป็นความภาคภูมิใจของ “เพื่อน” อย่างเอสซีจี เคมิคอลส์ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือให้ทุกโรงงานที่มีความตั้งใจดี ๆ ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม โดย คุณสมชาย หงษ์สุวรรณ ผู้จัดการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม กล่าวว่า
“ตอนนวพลาสติกได้รับคำแนะนำจาก เอสซีจี เคมิคอลส์ เราเริ่มต้นด้วยการนำเกณฑ์โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศมากางดูเลย แล้วก็พัฒนา ยกระดับกระบวนการทำงานให้ตอบโจทย์ทั้ง 14 ด้าน ตอนแรกดูเหมือนยากนะ แต่ถ้าตั้งใจและได้เพื่อนที่ทำสำเร็จแล้วมาเป็นพี่เลี้ยง เราก็เข้าใจกระบวนการอุตสาหกรรมเชิงนิเวศชัดเจนขึ้น เอสซีจี เคมิคอลส์ นี่ช่วยเต็มที่มาก ส่งทั้งทีมงานและผู้บริหารเข้ามาให้คำปรึกษาแบบใกล้ชิดเลย มาช่วยแก้ปัญหา หาวิธีการยกระดับการทำงานเพื่อให้ตอบโจทย์ให้ได้ ตอนผู้ตรวจจะมาตรวจ เรามี Pre-audit กับทีมเอสซีจี เคมิคอลส์ ก่อนซึ่งช่วยให้เรารู้ว่าจะนำเสนออย่างไรให้ตรงประเด็น พอตรวจประเมินครั้งแรกก็ผ่านเลย ต้องขอบคุณ เอสซีจี เคมิคอลส์ ที่ให้คำแนะนำ ช่วยเปิดทางให้เห็นการทำงานที่ชัดเจน ทำให้เราเดินไปได้ตรงจุด ไม่เสียเวลา มีเพื่อนดีมันก็ดีอย่างนี้แหละ ขอบคุณมากครับเพื่อน”
“เพื่อนช่วยเพื่อน” ช่วยกันส่งต่อความตั้งใจดี ๆ เพื่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ต่อยอดสู่ชุมชนเชิงนิเวศ อีกไม่นาน เราคงได้เห็นเมืองที่มีแต่สิ่งแวดล้อมดี มีคนคุณภาพ
และมีความสุขอย่างยั่งยืน
เกณฑ์โรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 14 ด้าน พัฒนาขึ้นโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ครอบคลุมทั้ง 5 มิติ คือ กายภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการ ได้แก่
1.การใช้วัตถุดิบ
2.พลังงาน
3.การขนส่งและโลจิสติกส์
4.โซ่อุปทานสีเขียว
5.ภูมิทัศน์สีเขียว
6.การจัดการสารเคมีและวัตถุอันตราย
7.การจัดการน้ำและน้ำเสีย
8.การปล่อยก๊าซเรือนกระจก
9.การจัดการมลภาวะทางอากาศ
10.การจัดการกากของเสีย
11.ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน
12.ความหลากหลายทางชีวภาพ
13.การกระจายรายได้ให้กับชุมชน
14.การอยู่ร่วมกับชุมชนโดยรอบ
“เอสซีจี เคมิคอลส์ ถือเป็นต้นแบบบริษัทที่ผ่านการรับรองมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ครบ 100% เป็นรายแรกของประเทศไทย และน่าชื่นชมที่บริษัทฯ ยังได้นำแนวทางปฏิบัติมาถ่ายทอดและส่งต่อให้กับโรงงานอุตสาหกรรมอื่น แม้จะไม่ใช่กลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกันเลยก็ตาม นี่เป็นการแสดงถึงน้ำใจของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้วยกัน และยังช่วยกระตุ้นให้โรงงานอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่อาจคิดว่าการทำ Eco Factory เป็นเรื่องยากนั้น ทำความเข้าใจได้และสนใจที่จะเข้าสู่กระบวนการสร้างมาตรฐานนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อ
การพัฒนาธุรกิจของประเทศอย่างยั่งยืน”ผศ. ดร. รัตนาวรรณ มั่งคั่ง
ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ตัวอย่างโครงการ Eco Factory ของบริษัท ที. เค. เอส. สยามเพรส แมเนจเม้นท์ จำกัด และบริษัท ที. เค. เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
- โครงการติดตั้งอุปกรณ์ต่อกระดาษอัตโนมัติ บนเครื่องพิมพ์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียกระดาษจากการต่อม้วนกระดาษด้วยมือ
- โครงการติดตั้งหัวพิมพ์ Ink-jet บนเครื่องพิมพ์ ทำให้สามารถลดขั้นตอนการทำงานลงจาก 2 ขั้นตอน เหลือขั้นตอนเดียว ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตที่ต้องทำทีละขั้นตอน และลดค่าใช้จ่ายในการหยอดข้อมูลลง 50 % ต่อใบสั่งผลิต
- โครงการติดตั้งหอเก็บน้ำ (แทงค์แชมเปญ) ช่วยลดการใช้พลังงานของปั๊มแรงดันสูงและลดการสูญเสียน้ำ
- โครงการเปลี่ยนหลอดไฟแสงสว่างคลังสินค้า โดยเปลี่ยนจากหลอดแสงจันทร์เป็นหลอด LED ให้ความสว่างเท่าเดิมแต่ประหยัดพลังงานมากกว่า
- โครงการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายน้อยกว่าทดแทนสารเดิม เช่น การเปลี่ยนสารหมึกพิมพ์ที่มีองค์ประกอบของตะกั่วเป็น หมึกพิมพ์ฐานถั่วเหลือง (Soy Ink) และโครงการเปลี่ยนสารละลายกาวจาก Ethyl Acetate ไปเป็น สารที่เป็น Water Base