SCG™ HDPE S111F for High Impact Film บรรจุภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ความร่วมมือระหว่างเอสซีจีและเบทาโกร
Publish On 09, Oct 2019 | SCG™ HDPE S111F for High Impact Film บรรจุภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมอาหาร ความร่วมมือระหว่างเอสซีจีและเบทาโกร
หากพูดถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหาร นอกจากการใช้งานของผู้บริโภคในชีวิตประจำวันแล้ว ในกระบวนการผลิตอาหารก็มีความจำเป็นต้องใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกในการขนส่งวัตถุดิบระหว่างไลน์การผลิตด้วยเช่นกัน หน่วยงานวิจัยและพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์จึงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์แต่ละประเภทให้ตอบสนองความต้องการใช้งาน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุด
เครือเบทาโกร กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรและอาหารครบวงจรชั้นนำของประเทศไทยก็เป็นองค์กรที่ใส่ใจและต้องการพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกในกระบวนการผลิตอาหารให้มีประสิทธิภาพที่สุด จึงเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างเครือเบทาโกรและธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี พัฒนา SCG™ HDPE S111F for High Impact Film เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษที่มีความโดดเด่นเรื่องความแข็งแรงและความเหนียว จึงสามารถลดเนื้อวัสดุในการผลิตลงได้ ตอบโจทย์คุณสมบัติความต้องการของสายการผลิต และสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
รู้จักเครือเบทาโกร
เครือเบทาโกร เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และอาหารแปรรูปที่ได้รับความไว้วางใจในคุณภาพและความปลอดภัยที่ผู้บริโภคชาวไทยคุ้นเคยมาเป็นเวลานาน เบื้องหลังความสำเร็จของเครือเบทาโกรเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นที่ต้องการพัฒนาคุณภาพของกระบวนการผลิตตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาดำเนินการบริษัทกว่า 52 ปี
น.สพ. รุจเวทย์ ทหารแกล้ว รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ศูนย์วิจัยและพัฒนา เครือเบทาโกร กล่าวถึงจุดเริ่มต้นว่า “ธุรกิจของเบทาโกรเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2510 จากอาหารสัตว์ เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์ ก่อนขยายสู่การผลิตและพัฒนาสายพันธุ์สัตว์ การทำฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ การแปรรูปเนื้อสัตว์ และการผลิตอาหาร เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ”
“กล่าวได้ว่า ธุรกิจของเบทาโกร คือห่วงโซ่การผลิตโปรตีนและอาหารที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัยสูงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ปัจจุบันเราขยายขอบข่ายการทำงานออกมาที่การทำแบรนดิ้ง (Branding) และธุรกิจอาหาร เพราะเราต้องการให้คนในสังคมได้มีทางเลือก และเข้าถึงอาหารที่ดีมีคุณภาพ และปลอดภัยมากขึ้นในราคาที่เป็นธรรม อย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้ว่า เครือเบทาโกรมีภาพลักษณ์ขององค์กรที่เด่นชัดทั้งในเรื่องอาหารคุณภาพปลอดภัย และธุรกิจที่เป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพอาหารและคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้นได้อย่างยั่งยืน”
Circular Economy องค์ประกอบสำคัญเพื่อความยั่งยืน
Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นหนึ่งในหลักการที่ทั้งเบทาโกรและเอสซีจีให้ความสำคัญเพื่อใช้ขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเห็นพ้องต้องกันว่า การใช้ทรัพยากรทั้งหลายให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้นถือเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตเพื่อสร้างความรับผิดชอบขององค์กรในฐานะ “ผู้ผลิต” เพื่อขยายแนวคิดสู่สังคมในวงกว้างต่อไป โดยต้องอาศัยความร่วมมือและการทำงานร่วมกันทั้ง Supply Chain
Packaging Roadmap หรือนโยบายแผนงานพัฒนาด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์เศรษฐกิจหมุนเวียนจึงเกิดขึ้น โดย ดร. นุกูล เอื้อพันธเศรษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนา (กลยุทธ์งานวิจัยและบรรจุภัณฑ์) เครือเบทาโกร เป็นตัวแทนเล่าที่มาของโครงการความร่วมมือระหว่างเบทาโกรกับเอสซีจี ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทถุงที่ใช้ระหว่างกระบวนการขนส่งชิ้นส่วนไก่สดในโรงงาน
“สิ่งที่เราต้องการจากการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ครั้งนี้ คือ การลดการใช้เนื้อวัสดุพลาสติกลง โดยยังคงรักษาประสิทธิภาพการใช้งานให้เท่าเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิม เพราะเราต้องการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกันนั้นคุณภาพของสินค้าก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
“ทีมงานเริ่มต้นจาก Packaging Analysis คือ การวิเคราะห์ลักษณะการใช้งานของถุงนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อแปลงมาเป็นคุณสมบัติของถุงพลาสติก HDPE ที่ต้องการ กล่าวคือต้องมีความแข็งแรงและความยืดหยุ่นเหมาะกับการบรรจุชิ้นส่วนไก่สด ลำเลียงบนสายพาน ถุงต้องมีความเหนียวและต้านทานการเจาะทะลุ โดยเฉพาะจากชิ้นส่วนสะโพกติดกระดูกซึ่งมีความคม สุดท้ายคือต้องทนต่อแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายในสายงานการผลิต”
จากคุณสมบัติสู่การพัฒนาเม็ดพลาสติก
เมื่อทางเบทาโกรซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้วิเคราะห์รูปแบบการใช้งานถุงพลาสติกแล้ว ลำดับถัดมาคือ Packaging Design หรือ Material Design ซึ่งทางเอสซีจีใช้ความเชี่ยวชาญเพื่อออกแบบเม็ดพลาสติกที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ความต้องการใช้งานให้ได้มากที่สุด โดย คุณวิศนีย์ เจริญพินิจการ Application Development Leader, Polyolefins and Vinyl Technology ตัวแทนจากธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี เป็นผู้บอกเล่ากระบวนการพัฒนาเม็ดพลาสติกให้ตอบกับความต้องการเชิงลึกของทางเบทาโกร
“นอกจากการพูดคุยกันในห้องประชุมแล้ว เราได้เข้าไปดูหน้างานเพื่อให้เห็นการใช้งานจริง รวมถึงพูดคุยกับผู้ใช้งานโดยตรง ทำให้เราเข้าใจการใช้งานถุงพลาสติกชนิดนี้จริง ๆ รวมไปถึงส่วนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอดกระบวนการใช้งานตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งมีประโยชน์มากต่อการดีไซน์และเตรียมชิ้นงานให้กับทางเบทาโกร”
“หลังจากรับทราบความต้องการและปัญหาแล้ว เราก็กลับมาวางแผนกันในทีมเพื่อร่วมกันออกแบบต้นแบบ โดยโจทย์แรกของการใช้งานบรรจุภัณฑ์อาหารคือเรื่องของความปลอดภัย ทั้งในเรื่องการสัมผัสอาหารได้ ไม่มีสารปนเปื้อน และต้องสามารถห่อหุ้มผลิตภัณฑ์ได้อย่างดีตั้งแต่ต้นจนจบการใช้งาน โดยจุดประสงค์ของโปรเจกต์นี้คือการลดการใช้วัสดุโดยลดความหนาของบรรจุภัณฑ์จาก 35 ไมครอนเหลือ 25 ไมครอน ดังนั้นจึงต้องใช้เม็ดพลาสติกที่มีความแข็งแรงมากขึ้น เพื่อให้บรรจุภัณฑ์ยังรองรับน้ำหนักที่ 10 กิโลกรัมได้”
“ความสะดวกในการใช้งานก็เป็นอีกเรื่องสำคัญ เวลาจับเนื้อถุงจะต้องไม่นิ่มจนทำให้ตัวถุงยืดย้วย และต้องไม่แข็งเกินไปจนทำให้มัดปากถุงได้ยากหรือเลื่อนหลุดง่าย”
เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ : ผลจากความร่วมมืออย่างเข้าใจ
จากห้องทดลองสู่การทดสอบ ขั้นตอนต่อมาจึงเป็นการผลิตต้นแบบเพื่อนำมาทดสอบประสิทธิภาพหรือ Prototype Testing ซึ่งก็กลับมาเป็นหน้าที่ของทางเบทาโกรในฐานะผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ในการทดสอบสมบัติเชิงกลในห้องปฏิบัติการ ได้แก่ การทดสอบแรงดึง หรือความทนทานต่าง ๆ โดยมีทีมงานของทางเอสซีจีร่วมสังเกตการณ์เพื่อการปรับปรุงและแก้ไขให้ได้คุณสมบัติตามที่ต้องการ
“ถัดมาคือขั้นตอน Production Testing หรือการทดสอบก่อนใช้งานจริง ด้วยการทดลองบรรจุไก่สดและจำลองสภาวะต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงการใช้งานจริง เช่น ทดลองทิ้งถุงให้หล่นจากความสูงที่กำหนดไว้ เพื่อดูผลจากการใช้งานที่เกิดขึ้น แล้วจึงไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำไปใช้จริงในสายการผลิต (Implementation) ซึ่งหากผ่านกระบวนการทั้งหมดแล้ว ก็ถือว่าพร้อมเอาไปใช้จริง” ดร.นุกูล เล่าถึงขั้นตอนเบื้องหลังการทำงาน
คุณสมบัติของเม็ดพลาสติกที่ปรากฎผลต่อเนื่องสู่การใช้งานถุงพลาสติกเกรดพิเศษนับว่าตอบความต้องการขององค์กรด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและความต้องการผู้ใช้งานในสายการผลิตได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ลดความหนาของถุงจาก 35 ไมครอนเหลือ 25 ไมครอน โดยที่คงความแข็งแรงและความเหนียวเทียบเท่าเดิม คงคุณสมบัติการต้านทานแรงกระแทกและสามารถบรรจุชิ้นส่วนไก่ที่มีความแหลมคมได้เป็นอย่างดี ซึ่งจากความหนาที่ลดลงทำให้เมื่อใช้ปริมาณเม็ดพลาสติกเท่าเดิม จะผลิตได้จำนวนถุงเพิ่มขึ้น 30% ส่งผลต่อการบริหารต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย
อนาคตของความร่วมมือ
จากความสำเร็จในการพัฒนาเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ SCG™ HDPE S111F for High Impact Film ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือในรูปแบบ Strategic Partner ระหว่างเบทาโกรและเอสซีจี ซึ่งทั้งสองหน่วยงานต่างกล่าวถึงความประทับใจจากการทำงานและเป้าหมายด้าน Circular Economy ที่มีร่วมกัน
สำหรับเบทาโกร ผลที่ได้รับนอกเหนือจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกรุ่นใหม่ที่ตอบความต้องการครอบคลุมทุกด้านแล้ว ยังเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันในด้านที่แต่ละองค์กรมีความเชี่ยวชาญ “การทำงานร่วมกันในครั้งนี้นับเป็นการเชื่อมต่อกันของกระบวนการสร้างนวัตกรรมที่ช่วยเติมเต็มและเสริมจุดแข็งในการทำธุรกิจ ทั้งสองหน่วยงานจึงพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกัน เพราะเราทำงานเป็นทีมเดียวกันตั้งแต่ขั้นตอนแรกในเรื่องการเข้าใจบริบทการใช้งาน ไปจนถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดเป็นบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างที่เบทาโกรต้องการ”
ในส่วนของเอสซีจีก็ได้นำองค์ความรู้และนวัตกรรมเข้ามาช่วยพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค “โปรเจกต์นี้เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของการทำงานร่วมกันระหว่างเอสซีจีกับเบทาโกร ซึ่งตรงนี้ทำให้เราได้พูดคุยกันมากขึ้น ได้ทำความเข้าใจว่าทางเบทาโกรมีแนวคิดอยากจะทำอะไรอีก และทางเอสซีจีมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ อะไรบ้างที่จะนำมาตอบโจทย์ ทั้งสองหน่วยงานจึงได้ตกผลึกเป็นอีกหลายโปรเจกต์ต่อไปในอนาคต”
กล่าวได้ว่าปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์นวัตกรรม คือความร่วมมือและการมีเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจนที่จะพัฒนาสินค้าออกมาได้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน เอสซีจียังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่สนับสนุนและผลักดันนวัตกรรมทุกรูปแบบด้วยความเชี่ยวชาญด้านวัสดุพอลิเมอร์ และไม่หยุดยั้งที่จะค้นคว้าวิจัยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนร่วมกันกับคู่ค้าไปพร้อมกับสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน