Close
|
> BUSINESS TIPS > ปัญญาประดิษฐ์กับอุตสาหกรรมพลาสติก

ปัญญาประดิษฐ์กับอุตสาหกรรมพลาสติก

Publish On 19, Apr 2019 | ปัญญาประดิษฐ์กับอุตสาหกรรมพลาสติก

อุตสาหกรรมพลาสติกเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างยิ่ง เฉพาะมูลค่าการส่งออกในปี 2559 ก็มากถึง 127,599 ล้านบาท เพราะอุตสาหกรรมพลาสติกนั้นมีผลต่ออุตสาหกรรมอื่น ๆ อีกจำนวนมาก เชื่อมโยงเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย บรรจุภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องเขียน ของเล่น เครื่องกีฬา วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ แต่ในด้านเทคโนโลยีการผลิตแล้วยังไม่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลมาใช้งานมากเท่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ

 

 

 

 

ดร. อดิสร เตือนตรานนท์ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัย นักวิจัยอาวุโส ศูนย์นวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อินทรีย์ (TOPIC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผู้คลุกคลีอยู่กับการสร้างนวัตกรรมและการสร้างสรรค์วัสดุต่าง ๆ จะมาเล่าให้เราฟังว่าพรมแดนความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ของโลกอุตสาหกรรมพลาสติกนั้นจะพัฒนาไปเป็นอะไรได้อีกบ้าง หากได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ Artificial Intelligence ที่เราเรียกย่อ ๆ ว่า AI ซึ่งเข้ามาช่วยจัดการข้อมูลที่สลับซับซ้อนได้ภายในเวลาอันสั้น เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้วงการอื่น ๆ มาแล้วนักต่อนัก

 

 

 

 

หากอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คำนิยามของปัญญาประดิษฐ์คืออะไร

 

ปัญญาประดิษฐ์เป็นเทคโนโลยีของการนำข้อมูลที่มีอยู่มาวิเคราะห์สังเคราะห์ให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ ใช้ในการทำงานที่มีการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ สะสมข้อมูลแล้วนำมาประมวลผล คล้ายคลึงกับการเลียนแบบสมองของเรา จึงทำให้ข้อมูลถูกเก็บมากขึ้น ถูกนำมาใช้มากขึ้น ได้ข้อมูลใหม่ที่แม่นยำมากยิ่งขึ้น เหมือนคนเราที่ได้รู้มากขึ้นก็จะฉลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่จะต่างจากสมองของคนอยู่สักหน่อย ตรงที่สมองของคนที่ยิ่งมีอายุมากขึ้น สมองจะช้าลง ในขณะที่คอมพิวเตอร์ยิ่งนานวันก็ยิ่งประมวลผลได้เร็วมากขึ้น

 

 

อะไรทำให้ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นที่สนใจในหลากหลายวงการอย่างในทุกวันนี้

 

เพราะจังหวะเวลาพอดี เทคโนโลยีพัฒนามาถึงจุดที่ปัจจัยต่าง ๆ เอื้ออำนวย คอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ดีขึ้น เซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งต่าง ๆ ได้แม่นยำ ขนาดเล็กลง และมีระบบสื่อสารที่รวดเร็ว จึงเกิดเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มากพอที่ประมวลผลข้อมูลมาใช้ประโยชน์ ปัญญาประดิษฐ์จึงได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ เพราะเราสามารถเอาข้อมูลที่มีประโยชน์มาต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางธุรกิจที่สูงขึ้นได้แล้วจริง ๆ

 

“ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติกต้องเตรียมตัวเรียนรู้ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาทดแทนแรงงาน หรือกระบวนการใดของโรงงานเราบ้าง”

 

 

 

ปัญญาประดิษฐ์ไปปรากฏตัวในวงการไหนมาแล้วบ้าง

 

หากจะให้ยกตัวอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีก็คงจะเป็นการใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพ แล้วมีชิปที่ประมวลผลภาพได้ถูกใจ ตรงกับสิ่งที่เราต้องการมากยิ่งขึ้น โซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่เราใช้งานก็จะเก็บข้อมูลว่าเราเข้าไปใช้งานเว็บไซต์ไหนบ่อย ๆ กดดูสินค้าอะไร แล้วรวบรวมข้อมูลพวกนั้นมาช่วยนำเสนอสินค้าให้ตรงกับสิ่งที่เราต้องการมากยิ่งขึ้น หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าปัญญาประดิษฐ์ถูกนำไปใช้กับการแพทย์ในปัจจุบันด้วย จากที่ต้องใช้หมอหรือผู้เชี่ยวชาญอ่านผลฟิล์มเอ็กซเรย์ วิเคราะห์ผล MRI ด้วยสายตาเพื่อตรวจวินิจฉัยที่บางครั้งคนเราก็เกิดความเหนื่อยล้าจนกระทั่งเกิดผิดพลาดได้ ในขณะที่ถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์ Image Processing มาช่วยก็จะทำให้ลดความผิดพลาดได้มากขึ้น วินิจฉัยได้แม่นยำขึ้น ได้จำนวนเคสต่อวันมากขึ้น หรือนำมาใช้วิเคราะห์สัญญาณชีพของคนไข้เพื่อวิเคราะห์ว่ามีแนวโน้มจะติดเชื้อในกระแสเลือดหรือไม่ ช่วยป้องกันการเสียชีวิตได้ดียิ่งขึ้น

 

เรื่องของยานยนต์ก็มีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนเอง รถยนต์ไร้คนขับ ที่ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาช่วยในการประมวลสัญญาณจากเซนเซอร์ที่อยู่รอบคันของรถยนต์ รวมทั้งเซนเซอร์ที่ติดอยู่ตามสี่แยกต่าง ๆ หรือที่ติดอยู่ตามขอบถนน ทำให้รถไม่เฉี่ยวชนขอบถนน ไม่ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ที่สัญจรไปมาหรือรถคันอื่น ตรงนี้จะเห็นว่าต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล และจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ความไวสูงมาก

 

อุตสาหกรรมสื่อในปัจจุบันมีการสร้างภาพยนตร์จากข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ได้จากข้อมูลผู้ชม หรือล่าสุดมีผู้ประกาศข่าวที่เป็นภาพกราฟิก โดยเนื้อข่าวก็มาจากการประมวลข้อมูลข่าวสาร แล้วประมวลออกมาเป็นเสียง ในอนาคตผู้บรรยายกีฬาอาจจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ด้วยก็ได้ เรื่องของโฆษณา การเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคอาจจะมีแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือที่ผู้บริโภคบอกได้ทันทีเลยว่าชอบสินค้าตัวนี้ไหม มีความรู้สึกอย่างไร พึงพอใจระดับไหน ไม่ต้องส่งคนไปเดินสำรวจอีกแล้ว

 

 

 

 

“ปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยทำให้การปรับเปลี่ยนนั้นมันแรง เร็ว และฉลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลกับองค์กรและมีผลในระดับประเทศแน่นอน”

 

บทบาทสำคัญในอนาคตของปัญญาประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมพลาสติกคืออะไร

 

AI จะเข้ามาช่วยทำให้โรงงานผลิตพลาสติกมีประสิทธิภาพ หรือมี Productivity ที่สูงขึ้น ลดใช้พลังงานในโรงงาน ลดข้อผิดพลาดในการทำงานของมนุษย์ เพราะบางกระบวนการของการผลิตในโรงงานพลาสติก ยังคงต้องใช้คนจำนวนมากในการตรวจสอบสิ่งผิดปกติ ตรวจเช็กคุณภาพของสินค้า ในอนาคตเราจะใช้กล้องที่มีระบบ Image Processing (การประมวลภาพ) ทำให้จับสิ่งผิดปกติได้ง่ายและเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ข้อมูลยังช่วยคาดเดาได้ว่าในแต่ละช่วงเวลาควรผลิตสินค้ามากน้อยเพียงใด เพื่อผลิตสินค้าให้พอดีกับความต้องการ ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ในตัวเครื่องจักร ช่วยในการตรวจหาความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บำรุงรักษาเครื่องจักรได้ตรงจุดก่อนที่จะเสียหาย ไม่ต้องหยุดสายการผลิตจนเสียเวลา เสียทรัพยากร ตัวอย่างของการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมพลาสติกในต่างประเทศที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ การนำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยในการออกแบบแม่พิมพ์พลาสติกตั้งแต่ต้น ทำให้ฉีดขึ้นรูปพลาสติกได้เลยอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องทดลองทำแม่พิมพ์ซ้ำ ๆ ให้สิ้นเปลือง

 

 

 

 

สิ่งที่อยากจะแนะนำต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติก

 

ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติกต้องเตรียมตัวเรียนรู้ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาทดแทนแรงงาน หรือกระบวนการใดของโรงงานเราบ้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันด้านคุณภาพ หรือปริมาณการผลิต ลดการสูญเสียพวกของเหลือทิ้งหรือของที่ผลิตผิดพลาด หรือการฝึกคนให้มีทักษะในการเรียนรู้ข้อมูล เพราะว่าในอนาคตคอมพิวเตอร์จะเป็นคนจัดการข้อมูลให้เรา แต่ข้อมูลไหนที่มีประโยชน์ มนุษย์จะเป็นคนสอนคอมพิวเตอร์ ผมคิดว่าตรงนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวกัน ในอนาคตหุ่นยนต์หรือรถยนต์อาจจะใช้เหล็กน้อยลง อาจจะมีการใช้พลาสติกคุณภาพสูงมากขึ้น สินค้าพลาสติกที่มีมูลค่าสูง แข็งแรงทนทาน มีน้ำหนักเบาอาจจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งการเตรียมการผลิตให้ตรงกับความต้องการจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

 

เราทุกคนด้วยต้องตระหนักอยู่เสมอว่า งานในอนาคตจะเป็นงานที่มีลักษณะเปลี่ยนไปจากทุกวันนี้ Digital Transformation ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นมีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยทำให้การปรับเปลี่ยนนั้นมันแรง เร็ว และฉลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีผลกับองค์กรและมีผลในระดับประเทศแน่นอน ใครที่ครองข้อมูลมากกว่าก็จะมีอำนาจสูงกว่า นั่นเป็นสาเหตุที่หลายประเทศแข่งขันเรื่องของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อย่างจริงจัง ประเทศไหนมีข้อมูลเยอะ ประเทศนั้นก็จะมีปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดมากกว่า อย่างเช่นที่ผู้นำของจีนออกมาแสดงวิสัยทัศน์ว่า เทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์จะเป็นเทคโนโลยีเรือธงของประเทศจีน เพราะจีนมีประชากรเยอะที่สุดในโลก ข้อมูลมหาศาลที่ได้จากการใช้อินเทอร์เน็ตของประชากรชาวจีนจึงเป็นประโยชน์อย่างมาก

 

 

 

 

ในอนาคต เมื่อปัญญาประดิษฐ์เก่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วคนจะเป็นอย่างไร

 

คนอาจจะกลัวว่าตกงาน เพราะว่างานบางอย่างถูกแทนที่ด้วยคอมพิวเตอร์ได้แล้ว แต่จริง ๆ ยังมีงานหลายอย่างที่ไม่อาจแทนที่ได้ด้วยคอมพิวเตอร์ เช่น งานออกแบบ งานช่างฝีมือที่ต้องการทักษะหรือความแม่นยำสูง หรือเรื่องของงานบริการ ซึ่งมนุษย์ต้องการปฏิสัมพันธ์กับคนด้วยกันมากกว่า ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนทักษะในการทำงาน มาใช้ Soft Skill มากยิ่งขึ้น

 

จริง ๆ มนุษย์ก็คือปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงมาก ๆ ที่พัฒนามานานแล้ว ถามว่าในอนาคตคอมพิวเตอร์เหล่านี้น่ากลัวไหม ก็คงจะไม่ได้น่ากลัวไปกว่ามนุษย์เท่าไหร่ครับ

 

ในขณะที่เรากำลังก้าวไปสู่ยุคสมัยที่ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเต็มตัว การติดตามเรื่องความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เปิดมุมมองให้กว้างขึ้น เปิดใจรับความเป็นไปได้ เพื่อมองหาโอกาสใหม่ ๆ พร้อมตั้งรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับพวกเราทุกคน

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

[elementor-template id="3478"]