Close
|
> BUSINESS TIPS > Industry 4.0 การผลิตอัจฉริยะเพื่อลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาอย่างไรให้โรงงานคุณเป็นโรงงานอัจฉริยะ ที่สามารถจัดการทุกอย่างได้แบบ REAL-TIME

Industry 4.0 การผลิตอัจฉริยะเพื่อลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาอย่างไรให้โรงงานคุณเป็นโรงงานอัจฉริยะ ที่สามารถจัดการทุกอย่างได้แบบ REAL-TIME

Publish On 17, May 2018 | Industry 4.0 การผลิตอัจฉริยะเพื่อลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาอย่างไรให้โรงงานคุณเป็นโรงงานอัจฉริยะ ที่สามารถจัดการทุกอย่างได้แบบ REAL-TIME

“ภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ 85% ของอุตสาหกรรมภายในประเทศไทยที่ไม่มีการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของยุค 4.0 จะไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ และ 53% ของ SMEs อาจต้องปิดกิจการ!

 

อาจารย์วรินทร์ รอดโพธิทอง
ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ สถาบันไทย-เยอรมัน

 

 

 

ที่มาภาพ: motor-bw.de

 

 

   ทั่วโลกกำลังตื่นตัวในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (Industry 4.0) คือ ยุคของการเชื่อมต่อกันระหว่างระบบออโตเมชั่นในสายการผลิตกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้อุปกรณ์ในสายการผลิต สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ โรงงานปัจจุบันจึงกลายเป็น Smart Factory เครื่องจักรในสายการผลิตสามารถสื่อสารกับผู้ที่เกี่ยวข้อง แสดงสถานะของเครื่องจักร และระยะเวลาการบำรุงรักษา ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นสามารถใช้ควบคุมได้แบบ Real-time เพื่อการวางแผนการจัดการทรัพยากรผ่านระบบเครือข่าย (Network System) ถึงแม้ผู้ควบคุมจะไม่ได้อยู่หน้าเครื่องจักร แต่ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที ส่งผลให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีต้นทุนที่ต่ำลง เหล่านี้เป็นสิ่งที่บริษัทควรเตรียมพร้อมรับมือเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค

 

 

 

 

 

ผู้ผลิตทุกคนคงไม่มีใครปฏิเสธเรื่องความต้องการลดต้นทุนการผลิต เพื่อผลกำไรที่มากขึ้น  จะดีกว่าหรือไม่ หากเราจะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตอบโจทย์ทั้งในเรื่องการประหยัดต้นทุน ลดการใช้วัตถุดิบในการผลิต แต่ได้ผลลัพธ์ที่คุณภาพดีขึ้น  และขณะเดียวกันก็ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดจุดขายที่มากกว่าให้กับลูกค้าของท่าน

 

 

 

 

   สิ่งที่น่าสนใจจากงาน Chinaplas 2018 “Industry 4.0” เป็นประเด็นที่บริษัททั่วโลกต่างให้ความสนใจในการพัฒนาสินค้า เครื่องจักรและบริการต่าง ๆ และหนึ่งในไฮไลต์ของนวัตกรรมเครื่องจักรที่คนให้ความสำคัญคือ เทคโนโลยี  Additive Manufacturing  Free Former จาก Arburg บริษัทผู้ผลิตเครื่องฉีดพลาสติกสัญชาติเยอรมัน  Free Former เป็นนวัตกรรม 3D Printing ที่ขึ้นรูปชิ้นงานจาก 3D CAD ซึ่งใช้การเติมเนื้อวัสดุเข้าไปทีละชั้นจนสำเร็จเป็นชิ้นงาน ทำให้การขึ้นรูปชิ้นงานต้นแบบไม่จำเป็นต้องผลิตแม่พิมพ์ ที่มีต้นทุนสูงและใช้เวลานาน  นอกจากนั้นในงานยังมีการทดลองผลิตเคส iPhone 8 ด้วยเครื่องจักร ALLROUNDER 420 C GOLDEN EDITION ใช้เทคโนโลยี Liquid silicone rubber injection: LSR ด้วย Cycle time 20 วินาที โดยเครื่องจักรสามารถเชื่อมต่อข้อมูลออกไปยังเครื่องจักรอื่น และเซิร์ฟเวอร์ในกระบวนการผลิตได้ ตลอดจนการที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลได้อย่าง real-time

 

 

 

 

   หรือกระทั่งการผลิตฝาขวดน้ำที่ใช้กระบวนการขึ้นรูปพลาสติกแบบอัด (continuous compression molding machine) ด้วยเครื่องจักร SACMI รุ่น CCM 48SC ผู้ผลิตเครื่องจักรขึ้นรูปพลาสติกแบบอัดของอิตาลี ก็สามารถพัฒนาประสิทธิภาพโดยเครื่องจักรดังกล่าวมี 48 โมลด์ ผลิตฝาได้ 2,000 ชิ้นต่อนาที และมีรอบเวลาในการผลิตที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม

 

 

 

 

   นอกจากเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพแล้ว การวิเคราะห์ข้อมูล big data เพื่อทราบข้อมูล เข้าใจปัญหา ตลอดจนการหาช่องว่างในการเพิ่มประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อเรามีข้อมูลที่ real time ทำให้สามารถเลือกข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ว่าต้องการเลือกพิจารณาที่กระบวนการใด ซึ่งสิ่งสำคัญคือการจัดการเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ต่ำลง แต่ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงขึ้น

 

พร้อมหรือยังที่จะเป็นโรงงานอัจฉริยะ SMART FACTORY เพื่อ SMART CONSUMERS!

 

 Did you know?

  • 0   คือ ยุคหัตถกรรมและเกษตรกรรม
  • 1.0 คือ ยุคการผลิตด้วยเครื่องจักรกลไอน้ำทุ่นแรงงานคน/สัตว์
  • 2.0 คือ ยุคแห่งการคิดค้นพลังงานไฟฟ้า เพื่อทดแทนเครื่องจักรกลไอน้ำ เกิดการผลิตแบบ Mass Production
  • 3.0 คือ ยุคเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ กระบวนการผลิตทุกอย่างเริ่มอัตโนมัติมากขึ้น
  • 4.0 คือ ยุคของการผสมผสานกันระหว่างระบบ automation ในสายการผลิตกับ Internet of Things เข้าด้วยกัน มีการออกแบบการผลิตที่ละเอียดขึ้น เป็นยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลควบคุมเครื่องจักรให้เครื่องจักรสื่อสารข้อมูลกันเอง

ที่มาข้อมูล: www.nstda.or.th

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

[elementor-template id="3478"]